ในปัจจุบันนี้เชื่อว่าภาษาที่มีความจำเป็นในการใช้ติดต่อสื่อสารมากที่สุดก็คือภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นภาษาสากลที่มีการใช้กันทั่วโลก เพราะในยุคสมัยที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีแบบนี้ การที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดี จะช่วยให้เราสามารถก้าวหน้าทั้งทางด้านการงาน และการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาอังกฤษอยู่ในทุกมิติของชีวิต
ความสำคัญของภาษาอังกฤษ
ด้านธุรกิจและการทำงาน
ในปัจจุบันมีการติดต่อสื่อสารและการค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น ทักษะและความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับธุรกิจและการทำงาน ดังนี้
- ช่วยเปิดโอกาสในการทำงานระหว่างประเทศ
- ช่วยเปิดโอกาสเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดโลก ทั้งทางธุรกิจและการไปทำงาน
- สร้างเสถียรภาพในอาชีพ เพิ่มมูลค่าในตลาดแรงงาน
- สร้างความได้เปรียบในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร และองค์ความรู้ที่สำคัญ
- สร้างโอกาสสื่อสารไร้พรมแดน การติดต่องานกับผู้คนหลายเชื้อชาติ โดยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร
ด้านการศึกษา
สำหรับในด้านการศึกษานั้น เชื่อว่าหลายคนทราบดีว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างมาก ตั้งแต่ขั้นตอนในการสอบเพื่อเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยหรือการสอบเพื่อวัดระดับภาษา เพื่อใช้ในการทำงานต่อไปและที่สำคัญคือ ข้อมูลทางวิชาการ หรือเอกสารที่มีความเป็นสากลก็มักจะเป็นเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผลต่อการเลือกศึกษาต่อต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสให้กับตัวเองอีกด้วย
ด้านความมั่นใจและกล้าใช้ภาษา
เชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วความมั่นใจในการพูดหรือใช้ภาษาอังกฤษนั้น มีความสอดคล้องกับทักษะความรู้ทางด้านภาษาของเรา หากเรามีทักษะทางด้านภาษาที่ดี ไม่ว่าจะเป็น การฟัง การอ่าน การพูด หรือการเขียน เราก็จะกล้าใช้ภาษา แต่หากเราไม่มีทักษะที่แน่นพอ ก็อาจจะทำให้เราไม่กล้าที่จะพูดหรือใช้ภาษาอังกฤษออกมาได้อย่างมั่นใจนั่นเอง
ด้านการเดินทาง
“หากคุณรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก” ประโยคนี้ไม่เกินจริง เนื่องจากแทบทุกประเทศทั่วโลกแม้ว่าจะมีภาษาของตัวเอง แต่ภาษาอังกฤษก็ยังถือว่าเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารได้ ดังนั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือต้องการความช่วยเหลือก็จะสามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องหรือไม่
แอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษ
1. Duolingo
แอปพลิเคชันสอนภาษาที่มีภาษาให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ภาษาสเปน เป็นต้น โดยจะมีการออกแบบการเรียนรู้ให้เหมาะกับผู้ฝึกในแต่ละระดับอย่างเหมาะสม และยังมีระบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกช่วงวัยอีกด้วย
iOS: Duolingo: แอปเรียนภาษา บน App Store
Android: Duolingo: แอปเรียนภาษา – แอปพลิเคชันใน Google Play
2. Echo English
แอปพลิเคชันสอนภาษาอังกฤษที่มีทั้งบทเรียนที่ให้ฝึกฝนทักษะฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งได้พัฒนาโดยกระทรวงศึกษาธิการและภาคเอกชน ภายในแอปพลิเคชันมีการเรียนรู้หลายรูปแบบ เช่น การสนทนาในชีวิตประจำวัน สำนวนภาษาอังกฤษ หรือภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจการค้าและการบริการ เป็นต้น
iOS: EchoEnglish on the App Store
Android: EchoEnglish – Apps on Google Play
3. English with Andy
แอปพลิเคชันฝึกภาษาอังกฤษในรูปแบบของแชทบอทที่ชื่อว่า “Andy” ซึ่งจะสามารถถามและตอบกันได้เหมือนการคุยแชททั่วไป และสามารถสอบถามเกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์ได้ ถือว่าเป็นการฝึกภาษาที่ง่ายและได้เรียนรู้การใช้ประโยคในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้องไม่มีพลาด
iOS: ฝึกภาษาอังกฤษ – Andy บน App Store
Android: Andy English Language Learning – Apps on Google Play
4. Drops
แอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษที่มีให้เลือกมากกว่า 30 ภาษา โดยจะมีทั้งเนื้อหาจากบทเรียนมากกว่า 100 บทเรียน จากผู้พัฒนา Language Drops สาธารณรัฐเอสโตเนีย และมีการเรียนรู้จากการเล่นเกมประกอบคำ เกมจดจำ และเกมจับคู่ภาพ ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการเรียนรู้
iOS: เรียนภาษาอังกฤษ – Drops บน App Store
Android: Drops: ฝึกภาษาอังกฤษ – แอปพลิเคชันใน Google Play
5. Busuu
แอปพลิเคชันสอนภาษาที่มีภาษาให้เลือกหลากหลาย ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มเรียนภาษาที่ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ด้วยตัวเองกับการฝึกฝนกับคุณครูเจ้าของภาษา และเพื่อน ๆ คนอื่นในชั้นเรียน โดยจะมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน และภาษาอื่น ๆ อีกมากมาย
iOS: Busuu: Language Learning บน App Store
Android: Busuu: เรียนภาษา – แอปพลิเคชันใน Google Play
6. Hello English
แอปพลิเคชันฝึกภาษายอดนิยมและใช้งานง่าย ที่ได้รับคำแนะนำจาก Google EDITORS’ CHOICE เพื่อเสริมทักษะการพูด ความรู้ทางไวยากรณ์ และคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย มีการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย
iOS: Hello English บน App Store
Android: Hello English: Learn English – Apps on Google Play
7. Cake
แอปพลิเคชันสำหรับเรียนภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีที่มีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งจะสามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีให้มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น ด้วยวิดีโอและบทเรียนเสียงแบบฟรี และจะมีภาษาอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
iOS: Cake – เรียนภาษาอังกฤษ&เกาหลี บน App Store
Android: Cake – เรียนภาษาอังกฤษ&เกาหลี – แอปพลิเคชันใน Google Play
8. LingoDeer
แอปพลิเคชันสอนภาษาที่มีภาษาให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาสเปน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งบทเรียนก็จะมีการไล่ระดับลงมา สามารถเลือกเรียนได้และมีการติดตามผลหลังจากเรียนด้วย ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาด้วยตัวเอง
iOS: LingoDeer – เรียนภาษา บน App Store
Android: LingoDeer – เรียนภาษา – แอปพลิเคชันใน Google Play
9. Bitu
แอปพลิเคชันฝึกสื่อสารภาษาอังกฤษ 1 ต่อ 1 กับครูต่างชาติ และมีการแลกเปลี่ยนกับชุมชนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน รับประกันคุณภาพด้วยทีมครูผู้สอน 1,000+ คนที่มีใบรับรองการสอนระดับสากล นอกจากนี้ยังมีการแผนการเรียนเหมาะสำหรับทุกวัยและความต้องการ
iOS: Bitu – Let’s Speak English บน App Store
Android: Bitu, Let’s Speak English – แอปพลิเคชันใน Google Play
10. ELSA Speak
แอปพลิเคชันฝึกภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกการออกเสียงให้เหมือนกับเจ้าของภาษา โดยจะมีการประเมินจาก AI ทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในการสื่อสารและทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อให้การพัฒนาอย่างตรงจุดมากที่สุด และยังเป็นแอปพลิเคชันที่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะสามารถเรียนแค่วันละ 10 นาทีเท่านั้น
iOS: ELSA Speak: English Learning on the App Store
Android: ELSA Speak: English Learning – แอปพลิเคชันใน Google Play
